ประมวลภาพ โครงการ

วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2551

เคยไหม
อยู่ท่ามกลางผู้คนนับร้อยนับพัน แต่กลับรู้สึกเหว่ว้าโดดเดี่ยว โดยเฉพาะในสังคมเมืองที่มีคนมากมาย แต่คนส่วนใหญ่กลับอยู่กันแบบเหงาๆ เปล่าเปลี่ยวในชีวิต ผู้คนในเมืองใหญ่เป็นโรคขี้เหงาเศร้าซึม ผู้คนส่วนใหญ่เป็นโรคที่อยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องไขว่คว้าหาใครซักคนมาคลายความเหงา เพื่อไม่ให้รู้สึกโดดเดี่ยว แต่สุดท้ายกลับยิ่งเดียวดาย~~~~~~~

วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ละออง

ละออง
ตาลอย ...เหม่อ
เต็มใจ อยากจะตกอยู่ในโคลนเหนียวหนืด
อาบอิ่มเอิบ กลิ่นโคลน ต่อ
ขอจมดิ่งอยู่ในโลกใบนี้ดีกว่า...

ถึงจะเหม็น แต่อย่างน้อย ก็ไม่ได้เจ็บปวด
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~


เวลาเป็นเพียง เครื่องบั่นทอน
ระยะทางไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น หรือเลวร้ายลง
เป็นเพียง ความอ้างว้าง ระหว่างความฝัน กับ ความรัก


ความจริงแล้ว มันเป็นเพียง...
ความพยายาม ที่อยากจะลุกขึ้น
หลังจากหลับหายไปนาน
แต่ก็เท่านั้น...


แค่อยากกลับมายิ้มอีกครั้ง จะมีวันนั้นไหม
วันที่เราจะมีความสุขอีกครั้ง

ความเป็นไปได้...คงเท่ากับ การที่เราจะมองเห็นดวงดาว ใน ใจกลางพายุ

เป็นเพียงความฝัน
ที่ผมไม่ยอมจากไป

ไม่ยอมตื่นขึ้น ทั้งที่แสงแยงตา

ไม่ลืมตา ไม่อยากรับรู้ อะไรอีก

ความรักของผม

เป็นเพียงละอองน้ำบางเบา


. . . . . . . . . .
ที่กำลังจางหาย

กลับกลาย

ความจริง/กักขัง/รื่นรมณ์/บนความเจ็บปวด/แผล/เปิด/
คำถาม/กับวันพรุ่งนี้/ไม่มีความหมายใด/น้ำตา/เดินต่อไป/คงมีเพียง/
ตัวฉัน/และ/ความอ้างว้าง/เหมือนเคย/

แสงในความอากาศต้องกระทบ
ความมืดใต้เปลือกตา
กลายเป็นความมืดที่ไม่คุ้นนัก
ไม่มืดมิด ดิ่งลึก อีกต่อไป
หากแต่ เป็นความมืดที่สามารถแตะสัมผัสตัวตนได้
ความเข้มมืดของความฝันละลายอย่างช้าๆ


(ลืม) เรื่องราวในฝันไปสิ้น ดับสูญเหลือเพียงแสงส่อง
(ตา) ตื่น ฝ้า มอง แสง ขาว