อาการของเครื่องที่ติดไวรัส
สามารถสังเกตุการทำงานของเครื่องคอมพิวเตอร์ถ้ามีอาก ารดังต่อไปนี้อาจเป็นไปได้ว่าได้มีไวรัสเข้าไปติดอยู ่ในเครื่องแล้ว อาการที่ว่านั้นได้แก่
1.ใช้เวลานานผิดปกติในการเรียกโปรแกรมขึ้นมาทำงาน
2.ขนาดของโปรแกรมใหญ่ขึ้น
3.วันเวลาของโปรแกรมเปลี่ยนไป
4.ข้อความที่ปกติไม่ค่อยได้เห็นกลับถูกแสดงขึ้นมาบ่อ ย ๆ
5.เกิดอักษรหรือข้อความประหลาดบนหน้าจอ
6.เครื่องส่งเสียงออกทางลำโพงโดยไม่ได้เกิดจากโปรแกร มที่ใช้อยู่
7.แป้นพิมพ์ทำงานผิดปกติหรือไม่ทำงานเลย
8.ขนาดของหน่วยความจำที่เหลือลดน้อยกว่าปกติ โดยหาเหตุผลไม่ได้
9.ไฟล์แสดงสถานะการทำงานของดิสก์ติดค้างนานกว่าที่เคยเป็น
10.ไฟล์ข้อมูลหรือโปรแกรมที่เคยใช้อยู่ ๆ ก็หายไป
11.เครื่องทำงานช้าลง
12.เครื่องบูตตัวเองโดยไม่ได้สั่ง
13.ระบบหยุดทำงานโดยไม่ทราบสาเหตุ
14.มีการรายงานว่าจำนวนเซกเตอร์ที่เสียมีจำนวน เพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนโดยที่ ยังไม่ได้ใช้โปรแกรมใดเข้าไปตรวจหาเลย.....
ภูมิใจนำเสนอยาแก้ไอ
http://www.nod32th.com/component/option,com_docman/task,cat_view/gid,67/Itemid,290/lang,en/
http://www.beartai.com/webboard/index.php?topic=33513.msg191088#msg191088
ประมวลภาพ โครงการ
วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2551
มีความรู้มาบอกๆๆๆๆๆ
7 วิธีดับความร้อนให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ
คงจะเคยสงสัยว่า ทำไมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ จึงเกิดปัญหาโน้นนี่เป็นประจำ หรืออุปกรณ์บางตัวมีอายุการใช้งานที่สั้นเกินควร สาเหตุใหญ่ ข้อหนึ่งที่ก็คือ การจัดวางอุปกรณ์ภายในเคส ที่ไม่เอื้องต่อการไหลเวียนอากาศภายในเคสที่ดีพอนั่นเอง ซึ่งทำให้ความร้อนภายในเคสมีมากกว่า ที่ควรจะเป็น มีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกติดเกาะอยู่ในส่วนต่างๆ จนเป็นสาเหตุทำให้อุปกรณ์บางตัวเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
การไหล เวียนอากาสภายในเคสนั้น มีความสำคัญต่อความเสถียรในการทำงาน และอายุการใช้ของอุปกรณ์ภายในเครื่องเป็นอย่างมาก ในสัปดาห์นี้ ผมจึงขอแนะนำ 7 วิธีดับความร้อนให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ โดยใช้หลักการง่ายๆให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ด้วยตัวเอง
อ้างอิง จากการออกแบบการไหลเวียนอากาศภายในเคส Chassis Air Guide (CAG) ของ Intel การไหลเวียนของอากาศภายในเคสที่ดีและถูกต้อง จะต้องมีสภาพการไหลเวียนดังที่แสดงในภาพ
คราวนี้เรามาดูกันว่า เราจะจะมีวิธีใดบ้างที่จะทำให้เกิดการไหลเวียนของอากาศที่ดีอย่างนี้ได้บ้าง
1. เลือกใช้เคสที่เหมาะสมกับความต้องการ
ชนิด ของเคสมีผลกับการจัดการการไหลเวียนอากาศภายในเคสเป็นอย่างมาก เคสที่ใหญ่และกว้างขวางแบบ Full-Tower ก็ย่อมจะมีโอกาสในการ ปรับการไหลเวียนอากาศภายในได้ดีกว่าเคสขนาดย่อมลงมาอย่าง Mini-Tower หรือแบบ Bare-Bone แต่ก็ต้องแลกกับเนื้อที่การจัดเก็บที่ต้องการ มากกว่า แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับสถานที่ที่จะนำไปใช้ด้วย
2. จัดอุปกรณ์ภายในเคสให้เป็นระเบียบ และอยู่ในที่เหมาะสม
การ ไหลเวียนอากาศที่ดีจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้ามีอุปกรณ์ภายในไปบังและปิดกั้นการไหลเวียน โดยเฉพาะสายต่อต่างๆที่โยงใยอยู่ภายในเคสนั้น ควรจะ มีการจัดระเบียบสายภายในให้เรียบร้อย โดยใช้ไส้ไก่พันรอบสายต่อ และเก็บให้ชิดขอบเคส นอกจากนี้ก็ควรหลีกเลี่ยง การจัดวางอุปกรณ์ที่มี ความร้อนสูงให้อยู่ใกล้กันด้วย เช่น ถ้ามีฮาร์ดดิสก์อยู่ 2 ตัวในเครื่อง ก็ควรจัดให้มีช่องว่างห่างกันพอสมควรด้วย
3. ปิดรูต่างๆของสล็อตด้านหลังเคส
การ ไหลเวียนอากาศภายในเคสจะเกิดขึ้นได้ดี เมื่อมีอากาศไหลเข้าที่ที่ควรจะเข้าซึ่งหมายถึงด้านหน้าและด้านข้างของเคส และไหลออกในที่ที่ควรจะออกซึ่งหมายถึงด้านหลังของเคสเท่านั้น ดังนั้นการปิดรูต่างๆที่เปิดทิ้งไว้ตรงสล็อตด้านหลังของเคส จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศไหลออกในที่ที่ไม่ควรออก ซึ่งจะทำให้การไหลเวียนอากาศภายในเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ติดตั้งพัดลมระบายอากาศเพิ่มเติม
การ ติดตั้งพัดลมระบายอากาศเพิ่มเติม ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการไหลเวียนอากาศภายใน เคสได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาจจะ เพิ่มเสียงรบกวนขึ้นมาบ้าง แต่ก็ทำให้สุขภาพของชิ้นส่วนภายในเครื่องของคุณดีขึ้นได้ พัดลมระบายอากาศเพิ่มเติมก็มีให้เลือกติดตั้งได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบที่ยึดติดกับ bay drive ด้านหน้าของเคสเพื่อดูอากาศเย็นภายนอกเข้าไป หรือแบบเสียบติดกับสล็อตด้านหลังเครื่องเพื่อระบาย อากาศร้อนจากภายในออกไป
5. ทำความสะอาดชิ้นส่วนต่างภายในเคส
การ ไหลเวียนอากาศที่ดีภายในเคสจะไม่บังเกิดผลใดๆเลย ถ้าชิ้นส่วนภายถูกฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเกาะไปซะก่อน ซึ่งนั่นจะทำให้การระบายความร้อน จากชิ้นส่วนภายในเป็นไปได้ยาก ทางที่ดีคุณควรจะมีการเช็ดทำความสะอาดชิ้นส่วนภายในด้วยบ้าง แนะนำว่าปีละหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย
6. ปิดฝาเคสในขณะใช้ตลอดเวลา
หลายๆ ท่านเข้าใจผิดว่า การเปิดฝาเคสไว้จะเป็นการระบายความร้อนภายในเครื่องได้ดี แต่ในความเป็นจริงแล้วนั่นกลับเป็นการตัดการไหลเวียน อากาศภายในอย่างสิ้นเชิง ทำให้อากาศบริเวณชิ้นส่วนต่างๆในเครื่องเป็นอากาศที่นิ่ง ไม่มีการไหลเวียนใดๆเกิดขึ้น ซึ่งมีผลมากกับชิ้นส่วน ที่ไม่มีฮีทซิงค์ช่วยในการระบายความร้อน นอกจากนี้ยังเป็นการเชื้อเชิญให้ฝุ่นละอองภายนอกมาเกาะชิ้นส่วนภายในได้ง่าย ขึ้นอีกด้วย
7. จัดวางเคสให้อยู่ในที่ที่มีอากาศไหลเวียนได้ดี
นอก จากการไหลเวียนอากาศที่ดีภายในเคสเองแล้ว การไหลเวียนอากาศที่ดีภายนอกเคสก็มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน คุณควรจะวางเคส ในห้องที่มีการไหลเวียนอากาศที่ดี อย่าวางไว้ชิดกับผนังจนเกินไป โดยเฉพาะด้านหลังเคส ที่จะเป็นทางระบายอากาศออกจากเครื่อง
ด้วยวิธีง่ายๆที่คุณสามารถ ปฏิบัติได้ด้วยตัวเองดังที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยปรับปรุงการไหลเวียนอากาศภายในเคสของคุณ ทำให้สามารถระบาย ความร้อนสะสมภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะมีส่วนช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์ของคุณได้เป็น อย่างดี
ผมว่าเหมาะกับการใช้งานในประเทศบบ้านเรานะครับ ก็โลกเล่นร้อนขนาดนี้ ทั้งหมดก็มาจากคนเรานี่แหละครับที่ทำลายโลก
เฮ้อ คิดแล้วเศร้า
อ้างอิงhttp://www.beartai.com/webboard/index.php?topic=41931.0
คงจะเคยสงสัยว่า ทำไมคอมพิวเตอร์ที่ใช้ จึงเกิดปัญหาโน้นนี่เป็นประจำ หรืออุปกรณ์บางตัวมีอายุการใช้งานที่สั้นเกินควร สาเหตุใหญ่ ข้อหนึ่งที่ก็คือ การจัดวางอุปกรณ์ภายในเคส ที่ไม่เอื้องต่อการไหลเวียนอากาศภายในเคสที่ดีพอนั่นเอง ซึ่งทำให้ความร้อนภายในเคสมีมากกว่า ที่ควรจะเป็น มีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกติดเกาะอยู่ในส่วนต่างๆ จนเป็นสาเหตุทำให้อุปกรณ์บางตัวเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
การไหล เวียนอากาสภายในเคสนั้น มีความสำคัญต่อความเสถียรในการทำงาน และอายุการใช้ของอุปกรณ์ภายในเครื่องเป็นอย่างมาก ในสัปดาห์นี้ ผมจึงขอแนะนำ 7 วิธีดับความร้อนให้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ โดยใช้หลักการง่ายๆให้คุณสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ด้วยตัวเอง
อ้างอิง จากการออกแบบการไหลเวียนอากาศภายในเคส Chassis Air Guide (CAG) ของ Intel การไหลเวียนของอากาศภายในเคสที่ดีและถูกต้อง จะต้องมีสภาพการไหลเวียนดังที่แสดงในภาพ
คราวนี้เรามาดูกันว่า เราจะจะมีวิธีใดบ้างที่จะทำให้เกิดการไหลเวียนของอากาศที่ดีอย่างนี้ได้บ้าง
1. เลือกใช้เคสที่เหมาะสมกับความต้องการ
ชนิด ของเคสมีผลกับการจัดการการไหลเวียนอากาศภายในเคสเป็นอย่างมาก เคสที่ใหญ่และกว้างขวางแบบ Full-Tower ก็ย่อมจะมีโอกาสในการ ปรับการไหลเวียนอากาศภายในได้ดีกว่าเคสขนาดย่อมลงมาอย่าง Mini-Tower หรือแบบ Bare-Bone แต่ก็ต้องแลกกับเนื้อที่การจัดเก็บที่ต้องการ มากกว่า แต่ทั้งนี้ก็ต้องเลือกให้เหมาะสมกับสถานที่ที่จะนำไปใช้ด้วย
2. จัดอุปกรณ์ภายในเคสให้เป็นระเบียบ และอยู่ในที่เหมาะสม
การ ไหลเวียนอากาศที่ดีจะเกิดขึ้นไม่ได้ ถ้ามีอุปกรณ์ภายในไปบังและปิดกั้นการไหลเวียน โดยเฉพาะสายต่อต่างๆที่โยงใยอยู่ภายในเคสนั้น ควรจะ มีการจัดระเบียบสายภายในให้เรียบร้อย โดยใช้ไส้ไก่พันรอบสายต่อ และเก็บให้ชิดขอบเคส นอกจากนี้ก็ควรหลีกเลี่ยง การจัดวางอุปกรณ์ที่มี ความร้อนสูงให้อยู่ใกล้กันด้วย เช่น ถ้ามีฮาร์ดดิสก์อยู่ 2 ตัวในเครื่อง ก็ควรจัดให้มีช่องว่างห่างกันพอสมควรด้วย
3. ปิดรูต่างๆของสล็อตด้านหลังเคส
การ ไหลเวียนอากาศภายในเคสจะเกิดขึ้นได้ดี เมื่อมีอากาศไหลเข้าที่ที่ควรจะเข้าซึ่งหมายถึงด้านหน้าและด้านข้างของเคส และไหลออกในที่ที่ควรจะออกซึ่งหมายถึงด้านหลังของเคสเท่านั้น ดังนั้นการปิดรูต่างๆที่เปิดทิ้งไว้ตรงสล็อตด้านหลังของเคส จึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้อากาศไหลออกในที่ที่ไม่ควรออก ซึ่งจะทำให้การไหลเวียนอากาศภายในเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. ติดตั้งพัดลมระบายอากาศเพิ่มเติม
การ ติดตั้งพัดลมระบายอากาศเพิ่มเติม ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการไหลเวียนอากาศภายใน เคสได้เป็นอย่างดี ซึ่งอาจจะ เพิ่มเสียงรบกวนขึ้นมาบ้าง แต่ก็ทำให้สุขภาพของชิ้นส่วนภายในเครื่องของคุณดีขึ้นได้ พัดลมระบายอากาศเพิ่มเติมก็มีให้เลือกติดตั้งได้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบที่ยึดติดกับ bay drive ด้านหน้าของเคสเพื่อดูอากาศเย็นภายนอกเข้าไป หรือแบบเสียบติดกับสล็อตด้านหลังเครื่องเพื่อระบาย อากาศร้อนจากภายในออกไป
5. ทำความสะอาดชิ้นส่วนต่างภายในเคส
การ ไหลเวียนอากาศที่ดีภายในเคสจะไม่บังเกิดผลใดๆเลย ถ้าชิ้นส่วนภายถูกฝุ่นหรือสิ่งสกปรกเกาะไปซะก่อน ซึ่งนั่นจะทำให้การระบายความร้อน จากชิ้นส่วนภายในเป็นไปได้ยาก ทางที่ดีคุณควรจะมีการเช็ดทำความสะอาดชิ้นส่วนภายในด้วยบ้าง แนะนำว่าปีละหนึ่งครั้งเป็นอย่างน้อย
6. ปิดฝาเคสในขณะใช้ตลอดเวลา
หลายๆ ท่านเข้าใจผิดว่า การเปิดฝาเคสไว้จะเป็นการระบายความร้อนภายในเครื่องได้ดี แต่ในความเป็นจริงแล้วนั่นกลับเป็นการตัดการไหลเวียน อากาศภายในอย่างสิ้นเชิง ทำให้อากาศบริเวณชิ้นส่วนต่างๆในเครื่องเป็นอากาศที่นิ่ง ไม่มีการไหลเวียนใดๆเกิดขึ้น ซึ่งมีผลมากกับชิ้นส่วน ที่ไม่มีฮีทซิงค์ช่วยในการระบายความร้อน นอกจากนี้ยังเป็นการเชื้อเชิญให้ฝุ่นละอองภายนอกมาเกาะชิ้นส่วนภายในได้ง่าย ขึ้นอีกด้วย
7. จัดวางเคสให้อยู่ในที่ที่มีอากาศไหลเวียนได้ดี
นอก จากการไหลเวียนอากาศที่ดีภายในเคสเองแล้ว การไหลเวียนอากาศที่ดีภายนอกเคสก็มีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน คุณควรจะวางเคส ในห้องที่มีการไหลเวียนอากาศที่ดี อย่าวางไว้ชิดกับผนังจนเกินไป โดยเฉพาะด้านหลังเคส ที่จะเป็นทางระบายอากาศออกจากเครื่อง
ด้วยวิธีง่ายๆที่คุณสามารถ ปฏิบัติได้ด้วยตัวเองดังที่กล่าวมาข้างต้น จะช่วยปรับปรุงการไหลเวียนอากาศภายในเคสของคุณ ทำให้สามารถระบาย ความร้อนสะสมภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะมีส่วนช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ภายในคอมพิวเตอร์ของคุณได้เป็น อย่างดี
ผมว่าเหมาะกับการใช้งานในประเทศบบ้านเรานะครับ ก็โลกเล่นร้อนขนาดนี้ ทั้งหมดก็มาจากคนเรานี่แหละครับที่ทำลายโลก
เฮ้อ คิดแล้วเศร้า
อ้างอิงhttp://www.beartai.com/webboard/index.php?topic=41931.0
วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2551
Global Warming
โลกร้อน คืออะไร ?
ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือ ภาวะ ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) เป็นปัญหาใหญ่ของโลกเราในปัจจุบัน สังเกตได้จาก อุณหภูมิ ของโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุหลักของปัญหานี้ มาจาก ก๊าซเรือนกระจก ครับ (Greenhouse gases)ปรากฏการณ์เรือนกระจก มีความสำคัญกับโลก เพราะก๊าซจำพวก คาร์บอนไดออกไซด์ หรือ มีเทน จะกักเก็บความร้อนบางส่วนไว้ในในโลก ไม่ให้สะท้อนกลับสู่บรรยากาศทั้งหมด มิฉะนั้น โลกจะกลายเป็นแบบดวงจันทร์ ที่ตอนกลางคืนหนาวจัด (และ ตอนกลางวันร้อนจัด เพราะไม่ม ีบรรยากาศ กรองพลังงาน จาก ดวงอาทิตย์) ซึ่งการทำให้โลกอุ่นขึ้นเช่นนี้ คล้ายกับหลักการของ เรือนกระจก (ที่ใช้ปลูกพืช) จึงเรียกว่า ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) ครับ
ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือ ภาวะ ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) เป็นปัญหาใหญ่ของโลกเราในปัจจุบัน สังเกตได้จาก อุณหภูมิ ของโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุหลักของปัญหานี้ มาจาก ก๊าซเรือนกระจก ครับ (Greenhouse gases)ปรากฏการณ์เรือนกระจก มีความสำคัญกับโลก เพราะก๊าซจำพวก คาร์บอนไดออกไซด์ หรือ มีเทน จะกักเก็บความร้อนบางส่วนไว้ในในโลก ไม่ให้สะท้อนกลับสู่บรรยากาศทั้งหมด มิฉะนั้น โลกจะกลายเป็นแบบดวงจันทร์ ที่ตอนกลางคืนหนาวจัด (และ ตอนกลางวันร้อนจัด เพราะไม่ม ีบรรยากาศ กรองพลังงาน จาก ดวงอาทิตย์) ซึ่งการทำให้โลกอุ่นขึ้นเช่นนี้ คล้ายกับหลักการของ เรือนกระจก (ที่ใช้ปลูกพืช) จึงเรียกว่า ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) ครับ
ภาพจาก Global Warming Exhibition of National Academy of Science (US)
แต่การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ CO2 ที่ออกมาจาก โรงงานอุตสาหกรรม รถยนตร์ หรือการกระทำใดๆที่เผา เชื้อเพลิงฟอสซิล (เช่น ถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือ สารประกอบไฮโดรคาร์บอน ) ส่งผลให้ระดับปริมาณ CO2 ในปัจจุบันสูงเกิน 300 ppm (300 ส่วน ใน ล้านส่วน) เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 แสนปี
ซึ่ง คาร์บอนไดออกไซด์ ที่มากขึ้นนี้ ได้เพิ่มการกักเก็บความร้อนไว้ในโลกของเรามากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดเป็น ภาวะโลกร้อน ดังเช่นปัจจุบัน
สำหรับภาพของผลกระทบ จากภาวะโลกร้อน สามารถดูได้จากลิ้งค์ในหน้านี้ครับ http://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/
ซึ่ง คาร์บอนไดออกไซด์ ที่มากขึ้นนี้ ได้เพิ่มการกักเก็บความร้อนไว้ในโลกของเรามากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดเป็น ภาวะโลกร้อน ดังเช่นปัจจุบัน
สำหรับภาพของผลกระทบ จากภาวะโลกร้อน สามารถดูได้จากลิ้งค์ในหน้านี้ครับ http://www.whyworldhot.com/an-inconvenient-truth-global-warming/
Overclock
การโอเวอร์คล๊อก CPU
1.เตรียมใจ เพราะการที่คุณโอเวอร์คล๊อกนั้นเป็นการเร่งให้ cpu ของคุณใช้งานหนักกว่าปกติเพราะฉะนั้น cpu ของคุณอาจจะพังในบัดดล แล้วการรับประกันก็อาจจะหมดไปด้วยถ้าเขาพิสูจน์ได้ว่าคุณนำ Cpu ไปใช้งานแบบไม่ปกติแบบที่ควรจะเป็น ก็อยากจะแนะนำว่าถ้าใจไม่ถึงพอก็ปิดหน้านี้ไปได้เลย ให้คุณกลับไปดูหน้าอื่นๆที่น่าสนใจของเวบเราดีกว่า อย่าเสี่ยงเลย
2.เตรียมตัว ก็เตรียมตัวตรวจสอบว่าเครื่องคอมของคุณนั้นมีอะไรบ้างหมายความว่าก่อนอื่นคุณก็ควรจะรู้จักก่อนว่า อันไหนเรียกว่า แรม การ์ดจอ เมนบอร์ด cpu ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักอะไรเลยแต่ก็ยังจะมาคิดโอเวอร์คล๊อกอีก อย่างที่เคยกล่าวไว้อยู่เสมอๆว่า "สำหรับ advance user เท่านั้น"
3.เตรียมตัง ขึ้นหัวข้อแบบนี้อาจจะทำให้บางท่านแย้งคำพูดของเราที่เคยกล่าวไว้ว่า"การโอเวอร์คล๊อกเป็นการทำให้เราได้ cpu เร็วขึ้นแบบไม่ต้องเสียเงิน" แต่ที่ให้" เตรียมตัง" ก็คือการโอเวอร์คล๊อกให้ไม่มีปัญหาควรจะต้องทำให้การระบายความร้อนนั้นดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่โดยการเพิ่มการระบายความร้อนให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพัดลม หรือว่าเปลี่ยน Heat sink ก็แล้วแต่ว่าใครจะมีหัวพลิกแพลงยังงัย แต่ว่าถ้าโอเวอร์คล๊อกขึ้นมาไม่มากก็ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมอะไรก็ได้
.............หลังจากเตรียมพร้อมตามขั้นตอนที่ได้แนะนำไปแล้วก็มาเริ่มกันเลย เริ่มแรกก็เปิดฝาเครื่องออกก่อน(คงไม่ต้องบอกนะครับว่าทำยังงัย) แล้วก็มองหาจัมเปอร์หรือสวิทที่ใช้ปรับ fsb ถ้าไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนก็เปิดคู่มือเมนบอร์ดดูก็แล้วกัน เดี๋ยวนี้เมนบอร์ดรุ่นใหม่ๆบางรุ่นก็สามารถปรับ fsb ในไบออสได้เลยก็สะดวกดี หลังจากที่เจอแล้วก็ดูว่าของเดิมของเรานั้นปรับอยู่ที่ค่าอะไร เช่น cpu celeron จะอยู่ที่ 66 ถ้าเป็น p!!! รุ่นตั้งแต่ความเร็ว 350 mhz.ขึ้นไปจะเป็น 100 หลังจากรู้ค่า standard แล้วก็ลองเพิ่มค่า fsb ขึ้นไปทีละสเตปเช่นถ้าของเดิมใช้อยู่ที่ 66 ก็ปรับขึ้นไปเป็น 75,83 หรือ 100 ตามลำดับแล้วก็ลองบูทเครื่องใช้งานดูว่าเสถียรมั้ย ถ้าใช้งานได้ดีไม่มีปัญหาแล้วเรายังไม่พอใจในความเร็วที่ได้เพิ่มขึ้นมาก็ให้เพิ่มขึ้นไปอีกจนกว่าจะเริ่มใช้งาน windows ไม่เสถียรก็หยุดตรงนั้นแล้วก็ปรับ fsb กลับลงมาเพื่อให้ใช้งานได้ หรือว่าถ้าใจถึงก็เพิ่มไฟ( v core )ขึ้นไปทีละขั้นลองดูว่าใช้ไฟขนาดไหนแล้วจะทำให้เครื่องของเราเสถียรก็หยุดตรงนั้น การเพิ่มไฟให้มากกว่าเดิมจะทำให้ความร้อนของcpu เพิ่มสูงขึ้นมาก ควรที่จะปรับปรุงการระบายความร้อนให้ดีกว่าที่เป็นอยู่เพราะอาจจะทำให้ระบบไม่เสถียรก็เป็นได้
..............การโอเวอร์คล๊อกยังสามารถจะทำได้อีกหนึ่งวิธี โดยการเพิ่มตัวคูณ แต่จะทำได้แต่เฉพาะcpu บางรุ่นเท่านั้น (โดยเฉพาะรุ่นเก่าๆ) สาเหตุก็คือ ทางผู้ผลิตล๊อคตัวคูณไว้ เลยไม่สามารถที่จะทำได้ ผู้ผลิตคงจะเห็นว่า คนนิยมการโอเวอร์คล๊อกมากขึ้นจะเป็นการเสียเปรียบ(ทีเวลาได้เปรียบไม่บ่นนะ) ก็เลยขอล๊อคตัวคูณไว้ ไม่แน่ว่าอีกหน่อยก็อาจจะล๊อคไม่ให้ปรับ fsb ไปเลยก็อาจจะเป็นได้ ถึงวันนั้นก็อาจจะเป็นวันที่ถึงจุดจบของ cpu ที่สามารถโอเวอร์คล๊อกได้มากๆอย่างเช่น celeron ก็เป็นได้
..............การโอเวอร์คล๊อกโดยการเพิ่ม fsb ใน mhz.เดียวกันจะให้ความเร็วมากกว่า การเพิ่มตัวคูณเนื่องจากว่า การส่งถ่ายข้อมูลภายในเครื่องจะขึ้นอยู่กับความเร็วของ fsb เป็นหลัก (ขอไม่เจาะลึกในรายละเอียดในเรื่องนี้นะครับเพราะบอกแล้วไงว่าไม่ใช่สำหรับเซียน) ยกตัวอย่างเช่น celeron 300aตอนที่ยังไม่โอเวอร์คล๊อกจะใช้ 66 ตัวคูณ 4.5 ถ้าโอเวอร์คล๊อกโดยการเพิ่ม fsb เป็น 100 คูณ 4.5 จะได้ความเร็วเป็น 450Mhz.ความเร็วที่ได้จะสูงกว่า celeron 466 ที่ใช้ 66 ตัวคูณ 7 แต่ว่าการที่เราจะโอเวอร์คล๊อกขึ้นมาได้มากๆส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์เช่น เมนบอร์ด แรม การ์ดจอ ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ถ้าอุปกรณ์ที่ใช้ในระบบไม่มีคุณภาพ ็อาจจะทำให้เราไม่สามารถที่จะโอเวอร์คล๊อกขึ้นมาได้มากๆอย่างที่เราหวังไว้ก็อาจเป็น
มาใหม่ครับ P5Q By Asus
ออกมาแล้วได้ระยะนึงแล้วครับ สำหรับเมรบอร์ด ตระกูล P5Q
ในรุ่นนี้ ได้มีการบอกว่าช่วยในการประหยัดไฟที่บ้านด้วย คือ กินไฟน้อยกว่าเมนบอร์ดทั่วๆไป (อันนี้ไม่รู้จริงหรือป่าว)
แต่ที่จะลืมบอกไม่ได้ในที่นี้คือ ในBIOS นั้นมีหัวข้อให้สำหรับปรับOVERCLOCK ทั้งแบบAUTO และ แบบ Manaul ชาวโปรทั้งหลายที่ชอบการปรับแต่งเครื่องคงต้องอยากลองกันแล้วซิครับ
ผมมีรูปในรุ่นต่างๆ มาให้ดูด้วยครับ
วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2551
WOW>>>>Liquid Cooled
มีที่โหลดของฟรี มาบอกครับ
ผมเป็นสมาชิกอยู่
กระทู้ ของฟรี นะครับ
http://www.beartai.com/webboard/index.php?topic=27921.0
ผมเป็นสมาชิกอยู่
กระทู้ ของฟรี นะครับ
http://www.beartai.com/webboard/index.php?topic=27921.0
POST New..!!!
วันนี้ขอเริ่มต้นด้วยเรื่องใกล้ตัว โดยเฉพาะผู้ใช้อินเทอร์เน็ต และระบบใดๆ ก็ตามที่ต้องให้ผู้ใช้ป้อนรหัสผ่าน หรือ password ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่หลายคนกลับมองข้าม ยังคงใช้พาสเวิร์ดง่ายๆ เพราะไม่อยากคิด อยากจำ ให้วุ่นวาย แฮคเกอร์ และผู้ไม่หวังดีก็เลยช่วยจำรหัสง่ายๆ เหล่านี้แทนผู้ใช้ซะเลย ข้างล่างนี้เป็น 10 พาสเวิร์ดที่เสียงอันตรายมากที่สุด และใครที่ใช้พาสเวิร์ดเหล่านี้ กรุณาเปลี่ยนด่วนที่สุด เพราะระบบของคุณอาจถูกเจาะได้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ...ว่าแล้วไปดูกันครับว่า
มีพาสเวิร์ดอะไรบ้าง
1. password 2. 123456 3. qwerty 4. abc123 5. letmein
6. monkey 7. myspace 1 8. password 1 9. blink182 10. (ชื่อของคุณ)
นอกจากไม่ควรเลือกใช้พาสเวิร์ดง่ายเหล่านี้แล้ว ผู้ใช้ยังไม่ควรใช้พาสเวิร์ดอันเดียวกับหลายๆ ระบบ โดยเฉพาะพาสเวิร์ดที่ใช้ในเว็บโซเชียลอย่าง hi5, myspace และ facebook เพราะหากถูกแฮคได้ และเป็นพาสเวิร์ดเดียวกันกับอีแบงกิ้งของคุณแล้วล่ะก็...จึ๋ย!!! อย่าให้พูดเลยครับว่า จะเกิดอะไรขึ้น...ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า ควรใช้พาสเวิร์ดผสมตัวอักษรกับตัวเลข เพราะมันจะใช้เวลาในการเจาะยาก และนานกว่าตัวอักษร หรือคำที่มีความหมาย...ที่มา : www.arip.co.th
วันนี้ขอเริ่มต้นด้วยเรื่องใกล้ตัว โดยเฉพาะผู้ใช้อินเทอร์เน็ต และระบบใดๆ ก็ตามที่ต้องให้ผู้ใช้ป้อนรหัสผ่าน หรือ password ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องสำคัญมาก แต่หลายคนกลับมองข้าม ยังคงใช้พาสเวิร์ดง่ายๆ เพราะไม่อยากคิด อยากจำ ให้วุ่นวาย แฮคเกอร์ และผู้ไม่หวังดีก็เลยช่วยจำรหัสง่ายๆ เหล่านี้แทนผู้ใช้ซะเลย ข้างล่างนี้เป็น 10 พาสเวิร์ดที่เสียงอันตรายมากที่สุด และใครที่ใช้พาสเวิร์ดเหล่านี้ กรุณาเปลี่ยนด่วนที่สุด เพราะระบบของคุณอาจถูกเจาะได้อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ...ว่าแล้วไปดูกันครับว่า
มีพาสเวิร์ดอะไรบ้าง
1. password 2. 123456 3. qwerty 4. abc123 5. letmein
6. monkey 7. myspace 1 8. password 1 9. blink182 10. (ชื่อของคุณ)
นอกจากไม่ควรเลือกใช้พาสเวิร์ดง่ายเหล่านี้แล้ว ผู้ใช้ยังไม่ควรใช้พาสเวิร์ดอันเดียวกับหลายๆ ระบบ โดยเฉพาะพาสเวิร์ดที่ใช้ในเว็บโซเชียลอย่าง hi5, myspace และ facebook เพราะหากถูกแฮคได้ และเป็นพาสเวิร์ดเดียวกันกับอีแบงกิ้งของคุณแล้วล่ะก็...จึ๋ย!!! อย่าให้พูดเลยครับว่า จะเกิดอะไรขึ้น...ผู้เชี่ยวชาญยังแนะนำว่า ควรใช้พาสเวิร์ดผสมตัวอักษรกับตัวเลข เพราะมันจะใช้เวลาในการเจาะยาก และนานกว่าตัวอักษร หรือคำที่มีความหมาย...ที่มา : www.arip.co.th
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)